เมนู

อุปปลทายิกาเถรีอปทานที่ 3 (33)
ว่าด้วยบุพจริยาของพระอปปลทายิการเถรี


[173] พระเถรีกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
มีกษัตริย์องค์หนึ่งพระนามว่าอรุณ ครอง
ราชสมบัติในพระนครอรุณวดี หม่อมฉันเป็น
มเหสีของท้าวเธอ บอกบุคคลบางคนว่า หม่อม
ฉันนั่งอยู่ในที่ลับคิดอย่างนี้ว่า กุศลที่เราจะเอาไป
ที่เราทำไว้ไม่มีเลย
เราจะต้องไปสู่นรกอันมีความเร่าร้อนมาก
ทั้งเผ็ดร้อนร้ายแรงแสนทารุณเป็นแน่ ในเรื่องนี้
เราไม่มีความสงสัยเลย
ครั้นหม่อมฉันคิดอย่างนี้แล้ว ยังใจให้
ร่าเริงเข้าไปเฝ้าพระราชสวามีแล้ว กราบทูลว่า
ข้าแต่พระขัตติยาธิยาบดีผู้ประเสริฐ หม่อม
ฉันเป็นสตรี ไม่เคยเป็นบุรุษ ขอพระองค์ได้
โปรดประทานสมณะองค์หนึ่งแก่หม่อมฉันเถิด
หม่อมฉันจักนิมนต์ท่านให้ฉัน
ครั้งนั้นพระราชาได้ประทานสมณะองค์
หนึ่งผู้อบราอินทรีย์แล้วแก่หม่อมฉัน หม่อมฉัน
มีใจยินดีรับบาตรของท่านมาแล้ว เอาภัตตาหาร
อย่างประณีตใส่จนเต็ม

ครั้นแล้วได้ถวายผ้าผืนใหญ่ให้ท่านครอง
แล้วได้ถวายบาตรนั้นพร้อมด้วยดอกไม้มีกลิ่นหอม
และน้ำมันเครื่องไล้ทาอย่างดี.
ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำไว้แล้วนั้น และ
ด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ หม่อมฉันละร่างกาย
มนุษย์แล้ว ได้ไปภพดาวดึงส์
ได้ครองตำแหน่งพระมเหสีแห่งเทวราช
หนึ่งพันชาติ ได้ครองตำแหน่งพระมเหสีแห่ง
พระเจ้าจักรพรรดิหนึ่งพันชาติ
และครองตำแหน่งพระมเหสีแห่งพระ-
เจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยจะคณานับชาติมิได้
ทั้งได้ศุภผลอื่นมีอย่างต่าง ๆ มากมายซึ่งเป็นผล
กรรมแห่งบิณฑบาตในคราวนั้น
หม่อมฉันมีสีกายเหมือนดอกบัว เป็น
หญิงมีรูปงาม น่าดู น่าชม ถึงพร้อมด้วยองค-
สมบัติทั้งปวงเป็นอภิชาติสตรี ทรงไว้ซึ่งความ
เปล่งปลั่ง
ในภพนี้ซึ่งเป็นภพหลัง หม่อมฉันเกิด
ในศากิยสกุล เป็นธิดาแห่งพระเจ้าสุทโธทนมหา-
ราช เป็นหัวหน้าแห่งนารีหนึ่งพัน
เบื่อหน่ายในอาคารสถาน จึงออกบวช
เป็นภิกษุณีถึงราตรีที่ 7 ก็ได้บรรลุจตุราริยสัจ

หม่อมฉันไม่สามารถจะประมาณจีวร
บิณฑบาต เสนาสนะ และเภสัชปัจจัย ที่ทายก
ทายิกานำมาถวายไว้ นี้เป็นผลแห่งบิณฑบาต.
ข้าแต่พระมุนีมหาวีรเจ้า ขอพระองค์
พึงทรงระลึกถึงกุศลกรรมครั้งก่อนของหม่อมฉัน
หม่อมฉันสละวัตถุทานเป็นอันมากเพื่อประโยชน์
แก่พระองค์
ในกัปที่ 91 แต่กัปนี้ หม่อมฉันได้ถวาย
ทานใดในครั้งนั้น ด้วยผลแห่งทานนั้น หม่อมฉัน
ไม่รู้สึกทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งบิณฑบาตทาน
หม่อมฉันรู้จักคติสอง คือ เทาวดาหรือ
มนุษย์ มิได้รู้จักคติอื่นเลย นี้เป็นผลแห่งบิณฑ-
บาตทาน
รู้จักแต่สกุลสูงซึ่งเป็นสกุลมหาศาลมี
ทรัพย์มาก มิได้รู้จักสกุลอื่นเลย นี้เป็นผลแห่ง
บิณฑบาตทาน.
หม่อมฉันท่องเที่ยวไปในภพน้อยใหญ่
อันกุศลมูลตักเตือนแล้วย่อมไม่เห็นสิ่งที่ไม่พอใจ
เลย นี้เป็นผลแห่งโสมนัส
ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันเป็นผู้มี
ความชำนาญในฤทธิ์ มีความชำนาญในทิพโสต-
ธาตุ มีความชำนาญในเจโตปริยญาณ


ย่อมรู้ปุพเพนิวาสญาณและทิพยจักษุอัน
หมดจดวิเศษ มีอาสวะทั้งปวงสิ้นไปแล้ว บัดนี้
ภพใหม่มิได้มีอีก
ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันมีญาณ
ในอรรถะ ธรรมะ นิรุตติ และปฏิภาณเกิดขึ้น
แล้วในสำนักของพระองค์
ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว. . .คำสอน
ของพระพุทธเจ้าดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.
ทราบว่า ท่านพระอุปปลทายิกาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้เฉพาะ
พระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยประการฉะนี้แล.
จบอุปปลทายิกาเถรีอปทาน

สิงคาลมาตาเถรีอปทานที่ 4 (35)


ว่าด้วยบุพจริยาของพระสิงคาลมาตาเถรี


[174] ในกัปที่หนึ่งแสนแต่ภัทรกัปนี้
พระพิชิตมารผู้เป็นนายกของโลก พระนามว่า
ปทุมุตตระ ทรงรู้จบธรรมทั้งปวงเสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
ครั้งนั้นดิฉันเกิดในสกุลอำมาตย์ที่รุ่งเรือง
ด้วยรัตนะต่าง ๆ เป็นตระกูลมั่งคั่ง เจริญ มีทรัพย์
มาก ในพระนครหังสวดี